Adsense

บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ประวัติหลวงปู่ใหญ่พระครูโลกอุดร [1]



ในบทความ “หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร” ที่ผมเขียนไปแล้ว ค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่เหลวไหลไร้สาระมากที่สุดในเรื่องที่เกี่ยวกับพระครูโลกอุดร

แต่ผมไปพบประวัติของพระครูโลกอุดรที่เขียนเป็น “หลวงปู่ใหญ่พระครูโลกอุดร”  คือ แตกต่างกันที่คำว่า “เทพ” กับ “พระครู” แต่เนื้อหาแตกต่างกันมากจึงเอามาให้อ่านกันเพื่อเปรียบเทียบ

สำหรับตัวผมเองนั้น มีเรื่องที่สนใจมากกว่านั้น คือ เรื่องนี้ผมได้มาจากเว็บ “วัดถ้ำขวัญเมือง” ชื่อเรื่องของบทความก็คือ “ประวัติหลวงปู่ใหญ่พระครูโลกอุดร”  อันเป็นเว็บของสายยุบหนอพองหนอของวัดมหาธาตุ

คือ เรื่องแบบนี้ พระมหาโชดกสอนว่าเป็นเรื่องเหลวไหล ไม่จริง แต่พวกสาวกพระมหาโชดกกลับเชื่อเรื่องเหล่านี้ ก็แสดงว่า พระมหาโชดกสอนไม่ได้เรื่อง ก็เป็นเรื่องที่สามารถชี้ได้ว่า

ลูกศิษย์ก็โง่ มหาโชดกก็โง่ ถึงได้มีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้น

เนื้อหาก็เป็นไปในทำนองนี้

ประวัติหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ลิขสิทธิ์ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร

เริ่มเรื่องก็เขียนชื่อผิดไปแล้ว อย่างนี้แสดงว่า คนเขียนไม่เข้าใจจริงๆ มีความสับสนในเรื่องชื่อ ไม่ว่าใครจะใช้ชื่อไม่เหมือนกันอย่างไร  ใน Version ของเราต้องใช้ชื่อเดียวกัน

สำหรับผมเองในบทความชุดนี้ ผมมีเจตนาจะใช้ชื่อตามที่เขาเขียนไว้ เพราะ ต้องการที่จะเน้นว่า พวกนี้ขนาดชื่อยังไม่ตรงกัน แล้วเรื่องจะเป็นความจริงได้อย่างไร

สำหรับที่ว่า “ลิขสิทธิ์ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร” ผมอ้างชื่อท่านไว้แล้ว ก็ถือว่าไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

อีกอย่างหนึ่ง ผมนำมาเพื่อวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเป็นวิชาการ ไม่ได้เอาไปขายในลักษณะใด ก็ถือว่า ไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์เช่นเดียวกัน

เรื่องราวเกี่ยวกับคณะบรมครูพระเทพโลกอุดร มีมาช้านานแล้ว เริ่มต้นในยุคสมัยสุวรรณภูมิ หริภุญไชย สุโขทัย อยุธยา และต้นโกสินทร์ หลักฐานที่ปรากฏชัดแต่ขาดการค้นคว้าอย่างจริงจัง

ข้อความที่ว่า “หลักฐานที่ปรากฏชัดแต่ขาดการค้นคว้าอย่างจริงจัง” ก็คือ ไม่มีหลักฐานอย่างชัดเจน มันจะไปมีหลักฐานได้อย่างไร เพราะเรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องเล่าทั้งหมด

ในเมื่อเป็นเรื่องไม่จริง  คนมันก็เล่าไปเรื่อย หาจุดร่วมกันไม่ได้

รู้ในชนกลุ่มน้อยทางเจโตบ้าง เช่น พระอริยคุณาธาร (เส็ง ปุสฺโส) และหลวงปู่คำคะนิง จุลมณี ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า

คณะบรมครูพระเทพโลกอุดร เคยมาพำนัก ณ ถ้ำดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวไปก็ไม่มีผู้ใดเห็นอย่างท่าน

นี่ก็อ้างกันไปในทาง “เจโตวิมุตติ” ก็เลยไม่รู้จะเถียงอย่างไร  แต่อย่างไรก็ดี ประวัติของผู้ที่มาเผยแพร่ในสมัยพระเจ้าอโศกนั้น  มีประวัติแต่เพียงสั้นๆ เท่านั้น

เราไม่รู้ว่าท่านมาสอนอยู่แถวไหน เพราะ คำว่า “สุวรรณภูมิ” นั้น นักวิชาการต่างก็สันนิษฐานไปหลายแห่งหลายที่มาก

บางท่านที่มีวาสนาก็พบเห็นท่านและยืนยัน ครั้นจะเอาเข้าจริงก็ไม่สามารถพบเห็นท่าน

คล้ายคนหนึ่งเคยเห็นผี แต่หลายคนอยากเห็นบ้างก็ไม่เห็น จนเกือบจะเป็นเรื่องอจิณไตย (คือเรื่องที่ไม่ควรนึกคิด) แต่ก็ไม่ใช่นิยาย

ท่านมักอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง สามารถปรากฏได้ในสถานที่ต่างๆ ไม่จำกัด

ทั้งผู้ที่พบเห็นก็ปราศจากความรู้ว่า เป็นบรมครูพระเทพโลกอุดรพระองค์ใดกันแน่ เพราะมีอยู่ด้วยกันถึง 5 พระองค์ และอาจมาในรูปต่างๆ ไม่ซ้ำกัน หรือปรากฏรูปเดิม

เรื่องนี้ สอดคล้องกับความรู้ที่ผมได้มาจากการอ่านนิตยสารโลกทิพย์เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว 

ประเด็นนี้ ถ้าจะตีความอย่างเข้าข้างกัน ก็สามารถตีความไปได้ว่า มีพระที่เก่งอย่างพระครูโลกอุดรนี้จริงๆ  และมีหลายองค์

ที่นี้พอคนมาเหล่าเรื่อง เอามายำรวมกัน  จากพระหลายรูป หรือ 5 รูปดังกล่าว ก็กลายเป็นรูปเดียว

ในเมื่อเหลือเป็นรูปเดียวแล้ว ก็ต้องเป็นว่า “พระไม่ตาย” เป็นอมตะ มีอายุยืนยาวเป็นพันๆ ปี

แต่ที่มีวาสนาบารมีสูงส่ง ก็คือ คุณดอน นนทะศรีวิไล คนลาวไปประกอบอาชีพที่ประเทศแคนาดา

ท่านผู้นี้ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ถือเอกามังสะวิรัติมานานกว่าสิบปี ซึ่งบรมครูพระเทพโลกอุดรโปรดปรานมาก

คุณดอน นนทะศรีวิไล และครอบครัว เคารพนับถือบรมครูพระเทพโลกอุดรมาก และเล่าให้ฟังว่าได้พบเห็นบรมครูพระเทพโลกอุดร ด้วยตาเนื้อ 2 ครั้ง

เรื่องหลอกลวงทำนองนี้ ก็ต้องมีพระเอกแบบนี้  คือ ต้องมีคนไปพบเห็นจริงๆ คนๆ นั้น จะเป็นคนโน้น คนนี้  แต่ถ้าเราถามหาจริงๆ ว่า “ไอ้คนคนนั้นเป็นใคร ตอนนี้อยู่ที่ไหน

คนเล่าก็ไม่สามารถเอามายืนยันได้

ครั้งแรกหลังจากเสร็จจากการนั่งสมาธิประจำวัน เป็นเวลาทางประเทศแคนาดา 00.02 น. ปรากฏพระภิกษุชรารูปหนึ่งเดินเข้ามาในบ้าน

คุณดอนทราบทางจิตว่าเป็นบรมครูพระเทพโลกอุดรแน่ จึงก้มลงกราบและเรียนถามว่า “หลวงปู่คือพระเทพโลกอุดรใช่ไหม

ท่านตอบว่า “ใช่”

เรื่องนี้จริงๆ ไม่อยากจะขัดคอ แต่ถ้ารู้จริงๆ ว่า เป็นพระครูโลกอุดร แล้วจะเสือกไปถามทำไม คุยกันเรื่องอื่นเลยไม่ดีหรือไง

คุณดอนไม่ทันได้เตรียมตัวและไม่ได้ถามถึงข้อปฏิบัติธรรม จึงถามว่า “พระพิมพ์ที่อาจารย์ประถมฝากมาให้เป็นของหลวงปู่อธิฐานจิตจริงหรือเปล่า

ท่านตอบว่า “จริง

ตรงนี้ อาศัยโฆษณาขายของเสียเลย เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว

ต่อจากนั้น คุณดอนก็ตื่นเต้นไม่ทราบจะถามอะไรอีกต่อไป ครั้นแล้วหลวงปู่ก็หายไป

แหม......... หลวงปู่ก้อ  ปรากฏตัวออกมาขายของแค่นี้ แล้วก็หายไปเลย  มันน่าจะปรากฏตัวหลายๆ ฉากหน่อย 

ออกมาแค่นี้ ไม่คุ้มค่าตัวเลย

การที่ท่านปรากฏเช่นนั้นเรียกว่า ปรากฏกายธรรม สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อและสัมผัสได้

จึงเกิดปัญหาถกเถียงกันสำหรับผู้มีภูมิปัญญาไม่ถึงขั้น ไม่รู้จักคำว่า กายทิพย์ กายธรรม 

ในฐานะที่ผมเป็นวิทยากรสอนวิชาธรรมกาย รู้จักกายทิพย์ กายธรรมเป็นอย่างดี  ผมยืนยันว่า เรื่องนี้โกหก กายธรรมไม่ได้เป็นแบบนี้ กายทิพย์ก็ไม่ได้เป็นแบบนี้

ครั้งที่สอง เป็นการนั่งทำสมาธิทั้งคณะประมาณ 5 คนด้วยกัน หลวงปู่พระเทพโลกอุดรมาปรากฏอีก

ท่านยืนไม่ได้เตรียมอาสนะไว้ต้อนรับ ท่านแสดงธรรมย่อ และว่าคณะปฏิบัติธรรมพอจะทราบอะไรบ้างแล้วพอสมควร ต่อไปท่านอาจจะไม่มาอีก

อ้าว........กายทิพย์ กายธรรมนี่ต้องนั่งเก้าอี้ หรือมีอาสนะปูด้วยหรือไง

ต่อไปท่านอาจจะไม่มาอีก จะให้ของไว้เป็นเครื่องระลึก แล้วท่านก็มองไปยังแก้วน้ำ ปรากฏเป็นแสงสีเขียว พุ่งออกจากดวงตาข้างหนึ่ง

สงสัยที่มานั้น คงไม่ใช่พระครูโลกอุไร แต่คงเป็นอุลตร้าแมน ถึงมีแสงพุ่งออกจากดวงตาได้

ทันใดนั้นน้ำในแก้วได้จับตัวแข็งเป็นก้อนเล็กๆ หลายก้อนด้วยกัน ท่านบอกว่าให้แบ่งกันเก็บเอาไว้เป็นของดี มีอะไรคุณดอนก็เล่าสู่กันฟัง เป็นที่เชื่อถือได้ และมีตัวตนจริง

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม แห่งวัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เคยได้พบท่านโดยที่ไม่ทราบว่าเป็นบรมครูพระเทพโลกอุดร

พบที่โคนต้นไทรใหญ่ โดยได้รับการบอกเล่าจากเจ้าของที่ดินว่า ถึงปีหลวงปู่พระเทพโลกอุดรจะมาปักกลดอยู่ชั่วระยะหนึ่ง

เจ้าของที่ดินเล่าว่า ตั้งแต่จำความได้จนถึงอายุได้ 80 ปีเศษ หลวงปู่ก็ยังคงทรงลักษณะเดิมไม่แปรเปลี่ยน

หลวงพ่อจรัญ เรียกท่านว่า “หลวงพ่อดำ” ได้ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานจากท่านพอสมควร บางทีคนมีวาสนาได้พบท่านแล้วไม่รู้จักว่าท่านเป็นใครมีอยู่มาก

ตรงนี้ ในฐานะที่เคยบวชวัดอัมพวัน 1 พรรษา หลวงพ่อวัดอัมพวัน [หลวงพ่อจรัญ] ก็เล่าให้ฟังทำนองนี้ 

แต่ผมก็ยังยืนยันว่า ถ้ามีพระแบบนี้จริง ก็มีหลายองค์  แต่คนเอามารวมกันเป็นองค์เดียว

คณะหลวงปู่พระเทพโลกอุดร เป็นชาวเนปาล อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นคนไทย การที่ท่านพูดภาษาไทยได้ก็เนื่องจาก บรรลุปฏิสัมภิทาญาณ สามารถรู้ภาษาคนและสัตว์ได้

ถ้าท่านมาเผยแพร่แถวนี้จริง  ท่านก็คงเรียนภาษาไทยกับคนพื้นเมือง ไม่เห็นจะต้องให้ท่าน “บรรลุปฏิสัมภิทาญาณ สามารถรู้ภาษาคนและสัตว์ได้

ท่านชอบปรากฏองค์ทางป่าเมืองกาญจนบุรี เช่น อำเภอไทรโยค อำเภอทองผาภูมิ

ครั้งล่าสุดท่านปรากฏองค์ที่เขาใหญ่ ท่านอภิชิโต ภิกขุ และท่านพันเอกชม สุคันธรัต ไปเฝ้าท่านอยู่นานวัน และท่านอภิชิโต ภิกขุได้มรณภาพได้ไม่นาน

เรื่องเล่าก็ออกไปในทำนองนี้ คือ คนที่ไปพบไปเห็นพระครูโลกอุดรจริงๆ นั้น ตอนนี้ “เสือกตาย” กันไปหมดแล้ว ก็เลยหาทางพิสูจน์ไม่ได้อีก

เรื่องราวบางตอนได้อาศัยท่านอภิชิโต ภิกขุ เป็นผู้บอกเล่า มิได้เป็นนวนิยายเลื่อนลอยไม่จำเป็นต้องรอการพิสูจน์

แหม....... ถ้าจะขายของ ถ้าจะเอาเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง มันก็ต้องมีการพิสูจน์กันบ้าง

และโปรดเข้าใจด้วยว่า ภาพหลวงปู่พระเทพโลกอุดรองค์ที่สาม มีนามว่า “พระอิเกสาโร หรือหลวงปู่โพรงโพธิ์”

การปรากฏกายธรรมในปัจจุบัน ส่วนมากมักจะเป็นหลวงปู่พระเทพโลกอุดรองค์ที่สาม และแทรกซ้อนด้วย หลวงปู่แจ้งฌาน ซึ่งเป็นศิษย์เอกคู่กับสมเด็จกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ

ซึ่งท่านทั้งสอง ท่านอภิชิโต ภิกขุ เรียกว่า “ครูฝึก” ปกติหลวงปู่ไม่ได้ลงมือสอนวิชาด้วยตนเอง ให้ศึกษากับครูฝึก เมื่อจบขั้นแล้วท่านจึงจะทำการทดสอบทุกครั้งไป

ตรงนี้ ผมก็เพิ่งรู้ว่า ภาพของพระครูโลกอุดรมีหลายองค์



6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ8 สิงหาคม 2557 เวลา 21:54

    วิชาธรรมกายด้วยความเคารพ ผมเป็นคนกลางนะครับ เท่าที่อ่านมาเหมือนมาจับผิดคนอื่นโดยไม่ได้อธิบายอะไรมากกว่าการด่าความเชื่อของคนอื่น จริงๆนะครับผมว่าไม่เหมือนคนที่เรียนวิชาธรรมกายอันสูงส่งมาเลย รังแต่จะทำให้ชาวพุทธแตกแยกมากกว่า

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ8 สิงหาคม 2557 เวลา 22:01

    คุณบอกว่าคุณเตยบวชเรียนมากลับหลวงพ่อจรัญ ท่านก้อถืว่าเป็นอาจารย?ของคุณนะครับ ท่านบอกว่าเคยเรียนวิปัสนามาจากพระเทพโลกอุดร ก้อแสดงว่ากรรมฐานที่คุณเรียนมาจากหลวงพาอจรัญก้อเป็นกรรมฐานที่พระทพโลกอุดรท่านถ่ายทอดมาด้วย แต่คุณไม่เชื่อว่ามีจริง อจิรไตยครับของแบบนี้ อาจารย์ตัวเองยังไม่เชื่อ

    ตอบลบ
  3. ผมว่าโง่ก็อ่านให้มากกว่านี้ มันเป็นบล็อก ไม่ใช่หนังสือ

    เขียนแค่นี้ ควายอย่างคุณจะเข้าใจหรือเปล่า

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ9 สิงหาคม 2557 เวลา 19:28

    55 ขอบคุณครับที่ด่า แค่นี้ก้อรู้แล้วคับว่าคุณเป็นของจริงรึป่าว โทสะจริตขนาดนี้ผมสงสัยว่าฝึกวิชาหรือสอนวิชาธรรมกายได้อย่างไร ขอบคุนครับ

    ตอบลบ
  5. ไปโรงพยาบาลเถอะ คุณเป็นโรคจิต แบบชอบถูกกระทำ รีบรักษาเสีย

    ตอบลบ
  6. พบหลวงปู่โสณะ 2 ครั้ง
    แบบกายเนื้อๆ
    ครั้งแรกที่พบ มา แบบ ผู้ดี เข็ญใจ (จิตใจหล่อ)
    มาครั้งที่ 2
    มาเป็นภิกษุ เพราะ ได้ เศษ จีวร ของ ท่านจาก
    นิตยสาร ท่าน มา อ้าง ความรับผิดชอบเศษจีวร เป็นขององค์ท่าน
    ยัง ได้ สนทนา พูดคุย กับ องค์ ท่านถาม ทุก เรื่อง ท่าน ก็ เมตตา ทุก เรื่อง.

    ตอบลบ